สวัสดีครับ
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมว่าตัวผมเองได้ทำสิ่งที่บ้ามากๆและรู้สึกว่าไม่เสียใจเลยที่ลุยในสิ่งที่รักอย่างเต็มที่ เลยอยากเขียนเอาไว้เป็นบันทึกชีวิตเสียหน่อย
9.30am PST (UTC-7)
เริ่มมาจากเช้าวันพฤหัสที่ 11 เมษายน ก่อนสงกรานต์สองวัน (เวลาแอลเอ) ผมตื่นมา เปิดเฟซบุค ซึ่งผมเองก็ subscribe feed ของ solarham เอาไว้ครับ มีรายงานว่ามี coronal mass ejection (CME) จาก sunspot 1719 บนดวงอาทิตย์เมื่อเวลา 0702 UTC ระดับความแรงอยู่ที่ M 6.5 ซึ่งถือว่าแรงมากๆในรอบปีที่ผ่านมา (ระดับความแรงจะแบ่งจาก C, M, X จากน้อยไปหามาก) อย่างเช่น aurora ที่เกิดช่วงวันที่ 17 March (St. Patrick day aurora) ก็มาจาก M class ระดับ 1.2 เท่านั้นเอง ครั้งนี้แรงกว่าถึง 6 เท่า และทิศทางของ CME ก็พุ่งมาทางโลกด้วย (earth-directed CME) ซึ่ง CME บางอันที่แรงๆก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พุ่งมาทางโลกครับ โดยปกติแล้ว CME จะใช้เวลาเดินทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็นเวลาสองวัน ถ้ามันปะทุวันพฤหัสเช้า ก็น่าจะถึงโลกวันเสาร์เช้า ซึ่งตาม prediction model แล้วก็น่าจะถึงเวลาบ่ายๆของวันเสาร์ เวลาที่อลาสกา (ตอนแรกเขา predict ไว้ตีสี่ และเปลี่ยนเป็นบ่ายโมง)
เที่ยงวันพฤหัส ผมเชคอากาศที่อลาสกา ปรากฏว่า clear sky ทั้งศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ อากาศเปิดตลอด การดู aurora นั่นต้องพึ่งดวงเรื่องอากาศอย่างมากๆครับ หากออโรร่าแรง แต่ฟ้าปิดก็ไม่มีความหมาย ซึ่งโอกาสแบบนี้ แน่นอนว่าหาได้ยากมาก อย่างน้อย ผมก็จะได้เห็น Mount McKinley ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนืออย่างแน่นอน
เมื่อหาข้อมูลอากาศ และข้อมูลสถิติของ solar storm แล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหนนี้มันต้องเป็นโอกาสที่เยี่ยมยอดที่ไม่ควรปล่อยให้เลยผ่านไป โอกาสที่ solar storm กับฟ้าเปิดจังๆหาไม่ได้อีกแล้ว หนก่อนที่ผมไปดู aurora นั้น มีเมฆแทบจะทุกวัน ต้องพึ่งดวงอย่างเดียว และก็ไม่ใช่จังหวะที่มี CME เสียด้วย การที่รู้ว่ามี CME ล่วงหน้า และตัดสินใจโดยที่มีข้อมูลเพิ่มนั้น สร้างความมั่นใจได้มากขึ้นทีเดียวครับ ดีกว่าบินไปรอดูอย่างเดียว
2.08pm PST
บ่ายสองวันพฤหัส เมื่อหาแนวร่วมได้แล้ว ผมจองตั๋วไปอลาสกาทันที ใช้ไมล์แลกไปของ delta ไป 32,500mi และเสีย fee แค่ $7.5 ได้ตั๋ว LAX-ANC บินวันศุกร์เย็น กลับวันอาทิตย์เย็น (ถึงแอลเอวันจันทร์เช้า) ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเลยกับการไปอลาสกาและจ่ายแค่ไม่ถึงสามร้อยบาท ถ้าซื้อตั๋วจริงๆแบบ last minute อย่างนี้โดนเกือบๆ $500 แน่นอนครับ (สนามบินอื่นอาจจะเป็นพัน) ขาไปผมบิน Alaska airline (พันธมิตรของ delta) และขากลับบิน Delta ครับ
ผมก็ลองเลียบเคียงถามคนรอบๆดูว่าจะมีใครไปไหม ไม่ได้ถามหลายคน เพราะรู้ว่าคงไม่มีใคร crazy แบบนี้แน่ๆ สรุปก็ได้ผู้ร่วมทางมาสามคนครับ ใช้วิธีแลกไมล์ไปทั้งสามคน
คนคงคิดว่าผมบ้า ผมก็เห็นด้วยครับ ฮาาาาาาา
4pm PST
วันศุกร์เย็น บ่ายสี่ ผมออกไปรับเลนส์ 14-24 ที่เช่าไว้ เตรียมไว้ถ่าย aurora เพราะต้องใช้ f/2.8 นั่งรถไปสนามบินเที่ยวห้าโมงเย็น เพื่อขึ้นไฟลท์บินตรงไป Anchorage ตอน 6.55pm กับ Alaska Airlines flight AK149 ครับ อยู่แอลเอดีตรงที่มีไฟลท์บินตรงไปอลาสกาเลยนี่แหละ เครื่องดีเลย์เล็กน้อย
11.40pm AKT (UTC-8)
ถึง Anchorage เกือบๆเที่ยงคืน บินมาห้าชั่วโมง เวลาที่อลาสกานั้นช้ากว่าแอลเอหนึ่งชั่วโมง เรารับรถเช่าที่จองไว้ ได้ราคาถูกมาก ราคาแปดเหรียญต่อวันครับ เช่าไว้สองวัน รวมประกันและ fee อื่นๆ แล้วก็ราวๆ $80 ครับ
Saturday April 13th วันสงกรานต์
12.50am AKT
check-in ที่ Motel 6 ซึ่งราคาถูกที่สุดในเมืองครับ คืนละ $65 + tax แถม check out ได้ถึงเที่ยงด้วย เหมาะสำหรับคนไปดู aurora ถึงเช้า แล้วกลับมานอนต่อจนถึงเที่ยงได้ มาถึงแล้วก็เชคดู space weather ปรากฏว่า CME ยังไม่มาครับ aurora activity ก็เงียบมาก ก็เลยนอนเอาแรงก่อน รอไปรับพี่ต้นตอนตีสองครึ่งแล้วออกไปลุยเลย
2.45am AKT
ออกไปรับพี่ต้นที่สนามบิน หนุ่มรายนี้บินมาจากซานฟรานครับ เป็นหมอใจกล้า 555 จากนั้นเราก็ไปแวะซื้อเสบียงกันนิดหน่อยที่ Walmart ครับ เน้นพวกน้ำดื่ม ของกินเล่น และกาแฟแก้ง่วงครับ
3.30am AKT
ขับรถออกไปรอที่ Glen Alp trailhead ซึ่งอยู่ใกล้เมือง แต่ด้วยที่ภูเขามันเป็น location ที่สวยดี ผมเลยเลือกที่จุดนี้ครับ เดินทางสะดวก แม้ว่าจะมี light pollution จาก Anchorage จากทางด้านตะวันตกอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะส่วนมาก Aurora จะมาทางทิศเหนือ วนมาถึงตะวันออก (แต่ก็ไม่เสมอไป) และอยู่บนนี้ก็มี 3G ให้ติดตาม solar and aurora activity กันได้เรื่อยๆครับ มีรถจอดไม่กี่คัน มีเอเชียบ้าๆสามคนจากแคลิฟอร์เนียมารอดูแสงเหนืออยู่ 55555
5.40am AKT
เรารอกันจนถึงตีห้าครึ่ง ก็ยังไม่มีวี่แววว่า Aurora จะโผล่มา อาจจะเพราะเนื่องด้วย latitude ของ Anchorage นั้นอยู่ต่ำเกินไป โอกาสที่จะเห็น aurora นั้นต้องอาศัย activity ที่แรงมากๆ (ระบุด้วย Kp ซึ่งสำหรับ Anchorage แล้วควรจะมีค่า Kp ตั้งแต่ 5 หรือ 6 ขึ้นไปถึงจะเห็น aurora ได้สวยงาม แต่สำหรับ Fairbanks ซึ่งอยู่ทางเหนือกว่า แค่ Kp > 3 ก็เห็นแล้วครับ)
แม้ว่าพระอาทิตย์จะขึ้นตอน 6.45am แต่ช่วงตีห้าครึ่ง ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้วครับ สว่างจนผมคิดว่าไม่น่าเห็น aurora ได้สะดวกแล้ว เราก็เลยขับรถวกกลับโรงแรมไปนอนต่อ
8.30am AKT
เนื่องจากเมื่อคืนไม่มีโชคเท่าไหร่ ไหนๆเรามาอลาสกากันแค่สองวัน ต้องจัดให้หนัก 5555 ช่วงกลางวัน จะนอนอยู่เฉยๆได้อย่างไร ผมก็เลยจัดการให้เพื่อนติดต่อไปที่ flightseeing tour เพื่อชมภูเขา Mt. McKinley ครับ โอกาสที่อากาศจะเปิดและเห็น Mt. McKinley นั้นหาได้ยากมากจริงๆ สองวันก่อนอากาศยังแย่อยู่เลย ผมเองมาอลาสกาเป็นรอบที่สี่แล้ว มีเพียงรอบนี้แหละครับที่มีความเป็นไปได้ 100% เลยทีเดียว ทัวร์รอบบ่ายโมงครึ่ง งั้นเราก็ยังมีเวลานอนต่ออีก 55
11am AKT
เราขับรถออกไปที่เมือง Talkeetna เป็นเมืองที่มี flight tour บินไปครับ ขับรถราวๆสองชั่วโมงก็ถึง
1.30pm AKT
หลังจากจัดแจงหาอะไรยัดเข้าปากง่ายๆเป็นอาหารเที่ยง เราก็เริ่มบินกันครับ (รูปไว้ค่อยมาลงทีหลังนะครับ) tour ที่เราเลือกคือ Denali Grand Tour ราคา $310 ซึ่งแพงไม่ใช่น้อยเลย แต่ก็เอาครับ ผมไม่เสียค่าตั๋วจากแอลเอมาที่นี่ ก็ไม่ซีเรียสครับ จ่ายได้ 555 แถมทาง tour ก็บอกว่าเราจะได้ glacier landing ฟรีด้วย จากปกติที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก $75 ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคนอื่นๆที่ร่วม flight ไปด้วยกันเขาอยากไป glacier แต่ผมไม่ได้แจ้งไว้ครับ เขาก็เลยจัดให้ไปไฟลท์เดียวกัน โดยที่ผมไม่ต้องจ่ายเพิ่มอะไร คือว่าได้กำไรฟรี และที่สำคัญ เครื่องบินสีมันแดง สะใจมาก ฮ่าๆๆๆ
3.30pm AKT
เมื่อลงจากเครื่อง ผมก็เชคดูว่า CME มันมาถึงโลกหรือยัง ก็ตามคาดหมายครับ มันมาถึงราวๆ 1pm แต่ที่น่าเสียดายคือ solar wind ไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างที่หวังครับ เทียบกับหนก่อนที่ M 1.2 flare นั้น solar wind ขึ้นจากระดับปกติที่ 400km/s ไปถึง 700km/s แต่หนนี้ M 6.5 flare แต่ solar wind เปลี่ยนไปอยู่ที่ 500km/s เท่านั้นเอง ถือว่า CME ลูกนี้อ่อนกว่าที่คาดไว้มากมายครับ ผมค่อนข้างผิดหวังมาก เพราะหวังเอาไว้เยอะครับ
เราออกจาก Talkeetna จากตรงนี้ผมก็ตัดสินใจว่าจะรอที่นี่ จะขึ้นเหนือต่อไปอีก หรือจะลงใต้ดี แน่นอนว่าขึ้นเหนือย่อมมีโอกาสเห็น aurora มากกว่า แต่ดูอากาศแล้ว เมฆและพายุหิมะจะดูเหมือนพัดจากเหนือลงใต้ และเมือง talkeetna เรื่อยไปทางเหนือคงต้องเจอฟ้าปิดแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจลงใต้ไปเมือง Wasilla ซึ่งอยู่ราวๆกึ่งกลางระหว่าง Talkeetna กับ Anchorage และจากตรงนี้ก็สามารถขับไป Glen Highway ซึ่งมุ่งหน้าไป Matanuska Glacier ได้สะดวกด้วย เพราะเมือง Wasilla/Palmer อยู่ตรง Junction ของ Park highway กับ Glen Highway พอดี
5pm AKT
check-in ที่ Best Western คืนละ $95 + tax แพงหน่อย (ซึ่งก็ถูกที่สุดในเมืองแล้ว 555) แต่อยู่สบายครับ อาหารเช้าฟรี และ check out time 11am ก็ late อยู่ใช้ได้ อย่างที่บอกครับ ผมเลือกโรงแรมที่ flexible ที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะลงไป Anchorage ที่โรงแรมถูกกว่า ก็ไม่คุ้มเท่าไหร่ เราหาอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารจีน ซึ่งพอกินได้ ไม่ประทับใจเท่าไหร่ อย่างว่า อาหารเอเชียมาไกลถึงอลาสกา และไม่ใช่เมืองใหญ่ด้วย คงหาให้ถูกปากยาก แต่ก็กินง่ายกว่าอาหารฝรั่งครับ
9.15pm AKT
ถ่ายพระอาทิตย์ตกกันหน้าโรงแรม ที่นี่ดีอย่างครับ เพราะโรงแรมตั้งอยู่หน้าทะเลสาบเลย (แต่เป็นน้ำแข็ง) แต่ก็เสียดายที่ปลายขอบฟ้ามีเมฆเยอะ เลยไม่ได้แสงสวยๆเท่าไหร่ และก็น่าห่วงด้วยครับว่าคืนนี้จะมีแสงเหนือให้เห็นหรือเปล่า ดูท่าทางแล้วเมฆกลุ่มนี้ท่าทางจะเอาเรื่องทีเดียว
Sunday April 14
12am AKT
เราขับออกไปถ่ายที่ Knik River ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองไปนิดเดียว ผมเชค activity จากหลายแหล่งครับ ทั้งดูจาก NOAA, space weather และ solarham แล้ว aurora ก็แรงใช้ได้ แม้จะไม่แรงอย่างที่หวังไว้ (Kp = 3)
1am AKT
และแล้วเราก็เห็น aurora ที่ Knik River ตรงสะพานบนถนน Old Seward Highway ครับ aurora นั้นแรงในระดับปานกลาง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นปื้นๆเต็มท้องฟ้า แต่ไม่เข้มขนาดที่จะเห็นเป็นสีเขียวได้ชัดเจนนัก อย่างน้อย การตัดสินใจมาแบบด่วน เดินทางมาเกือบๆ 4000km นี้ เราก็ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าครับ
ภารกิจตามล่าแสงเหนือบรรลุแล้ว
3am AKT
ถ่ายรูปกันหนำใจแล้ว เราตัดสินใจย้ายที่กัน ขับรถออกหนีแสงไฟจากเมืองไปทางตะวันออก ราวๆ 20mi บน Glen Highway ซึ่งก็ได้มุมภูเขาที่สวยงาม แต่เมฆค่อนข้างเยอะครับ เห็น aurora เพียงเล็กน้อย และไม่ค่อยแรงเท่ากับตอนตีหนึ่งครับ
5am AKT
เพื่อนๆอีกสองคนถ่ายรูปกัน ผมแอบนอนหลับครับ ถ่ายกันจนถึงตีห้าเราก็ขับรถกลับโรงแรมครับ นอนเอาแรงต่อเหมือนเดิม
9am AKT
ถ่างตาตื่นมาไปซัดอาหารเช้าฟรี แล้วกลับมานอนต่อ ทริปนี้นอนกันไม่เป็นเวลาเลยครับ มีโอกาสนอนได้ก็นอน ฮ่าๆๆ
11am AKT
คิดกันว่า วันนี้จะไปไหนดี เรามีเวลาอีก 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะต้องกลับไปขึ้นเครื่องที่ Anchorage ตอนเที่ยงคืน ก็เลือกกันว่าจะไปลอง Glacier tour ที่ Matanuska Glacier ครับ ช่วงหน้าหนาวนี้มีทัวร์เดียวที่เปิดให้บริการคือ http://www.bestglacier.com/ ได้ทัวร์มาจากพี่ขวัญครับ เมื่อติดต่อแล้วก็นัดเขาไว้ตอนบ่ายโมง เรา check-out แล้วก็ออกไปกันต่อเลยครับ ขับรถหนึ่งชั่วโมง ข้าวเที่ยงไม่ต้องกิน เอิ๊กกก
1pm AKT
guides ชื่อ Charles กับ Tommy มารอรับครับ เราได้นั่ง snowmachine เที่ยวชมธานน้ำแข็งกัน ค่าทัวร์ $75 ต่อคน ก็ถือว่าไม่แพงมากครับ (ผมมาที่เดียวกันกับ Mice Guides ก็ได้ราคาประมาณนี้) เราได้เข้าถ้ำน้ำแข็งสี่ที่ มีเล็กบ้างใหญ่บ้าง ก็คุ้มราคาครับ แค่ได้นั่ง snow machine ก็สนุกแล้ว เหมือน roller coaster เลยทีเดียว
6.30 pm AKT
มื้อเย็นสุดหรูที่ Anchorage เราจัด King Salmon กันปิดท้ายครับ สะใจมาก กระเป๋าฉีกกราวๆ 5555 กินกันแบบเร็วๆครับ ไม่ได้สนใจบรรยากาศหรูๆของร้านเท่าไหร่ เพราะเราจะรีบไปถ่ายแสงเย็นกันต่อ
7.45 pm AKT
ขับรถเล่นไปที่ Beluga Point ห่างจากเมืองราวๆ 20mi ถ่ายแสงสวยๆครับ แต่นี่ยังงงงง จุดนี้ไม่ใช่ที่ๆเราถ่ายแสงเย็นกัน ผมแพลนไว้อีกที่ครับ
8.50pm AKT
แวะมาถ่ายมุมมหาชนของ Anchorage ซึ่งจะได้ฉากหลังเป็นภูเขาหิมะครับ ต้องอาศัยวันที่อากาศดีถึงจะถ่ายได้สวย ซึ่ง weekend นี้ก็เป็นจังหวะที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้ครับ มุมนี้อยู่ที่ปลายสุดของ runway สนามบินนั่นเอง (ทางตะวันตกสุดของ earthquake park) ได้ถ่ายเครื่องบินขึ้นลงเล่นด้วย
11pm AKT
เติมน้ำมัน คืนรถเช่า มุ่งหน้าไป counter check-in เป็นการปิดการเดินทางสองวันในอลาสกาอย่างสมบูรณ์ เราพร้อมขึ้นเครื่องกลับแคลิฟอร์เนียด้วยสภาพครบ 32 ดังเช่นขามาครับ ไฟลท์ขากลับนี้ ออกตอนตีหนึ่ง ผมแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Salt Lake City และตามแผนจะถึงแอลเอ 9.36am
Monday April 15
1.20am AKT
และแล้ว ไฟลท์ DL 2223 ก็ออกจากสนามบิน Ted Steven International Airport
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ยังครับยัง ชะตากกรรมของผมยังไม่จบแค่นั้น 5555
ขึ้นเครื่องไปได้สักพัก ผมก็นอนหลับเป็นตาย กัปตันประกาศ (และผมก็ฟังอย่างสภาพที่สมองไม่พร้อมจะรับรู้ข้อมูลอะไรมาก) ผมจับใจความได้ว่า เครื่องเสีย (เฮ้ เอาแล้วไง) อะไรสักอย่างบนเครื่องเสียนี่แหละครับ แต่ยังบินได้ (เอ๊ะ) และแทนที่จะไปลงจอดที่ Salt Lake City (SLC) ก็ต้องไปซ่อมที่ Las Vegas (LAS) ซึ่งก็อยู่ไกลกว่า (ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปที่นั่น) สนามบินใหญ่ในเมกามีเป็นสิบๆ ทำไมต้องไปที่นั่นหว่า 555 ด้วยเหตุนี้ เครื่องบินก็ต้องบินไปไกลกว่าเดิม บินไปลงเวกัสก่อน ใช้เวลาซ่อม 50 นาที ก็บินกลับ SLC และทำให้ผมตกไฟลท์เดิมที่ต้องต่อไปแอลเอครับ ยังโชคดีที่เครื่องมันถึง SLC ก่อนไฟลท์ถัดไปที่ไปแอลเอจะออกตอน 11 โมงพอดี ไม่งั้นคงต้องรอถึงบ่ายสามครึ่งเลยทีเดียว
12.50pm PST
ในที่สุดผมก็ลากสังขารกลับมาถึงแอลเอโดยสวัสดีภาพครับ ปิดการเดินทางสั้นๆแต่มันส์ที่สุด คุ้มค้าที่สุดทริปนึงในชีวิตอย่างสมบูรณ์จริงๆและจริงๆครับ ผมไม่ค่อยมีตังค์เที่ยวนะครับ แต่การที่มีไมล์เหลือ ทำให้ความฝันบ้าๆแบบนี้เป็นจริงได้
ปิดตำนานลูกบ้าของผมไว้ ณ ที่นี้
และชีวิตก็ต้องวกเวียนกลับไปสู่ห้องแลปและการทำวิจัยเหมือนเดิม
จากคนไทยสามคนที่ได้ชื่อว่า ไปอลาสกาสองวัน เพียงเพื่อไปดูแสงเหนือ
แม้จะไม่ได้ aurora activity อย่างที่หวังไว้ แต่ก็ยืนยันครับว่า “คุ้ม” เพราะได้เห็น Mt. McKinley ที่ฝันจะเห็นมานาน
คุ้มและไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจไปครับ
สวัสดีครับ
พี
You must be logged in to post a comment.