ใน blog ตอนนี้ผมสรุปรวมสถานที่สำหรับชมใบไม้แดงในเกียวโตที่ผมได้ไปมาครับ ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นก็คงเลยเข้าหน้าหนาวไปแล้ว เกียวโตหิมะตกไปแล้ว ผมเขียนเผื่อมีใครจะวางแผนไปดูในปีหน้า ทริปนี้ผมมีเวลาแค่ 2 วันครึ่ง ซึ่งไม่เพียงพอเท่าไหร่เลย ผมเลือกตัดบางวัดที่คนจะแน่นมากๆออกไป เพราะไม่คุ้มเหนื่อย และคงถ่ายรูปไม่สนุก แต่ถ้าเป็นวัดที่ดังและสวยจริงๆ ผมก็เลือกจัดให้ไปตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ เพราะนักท่องเที่ยวทั้งหลายยังไม่ตื่นกันนั่นเองครับ ผมสามารถเก็บได้ประมาณ 3-4 วัดในหนึ่งวัน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการชมใบไม้แดงที่เกียวโตนั่นคือตอนปลายเดือนพฤศจิกายน บางเวบบอกว่าต้นเดือนธันวาคมก็ยังพอมี ปีนี้ผมไปตอนสิ้นเดือนพอดี แต่น่าเสียดายที่ปีนี้ใบไม้เปลี่ยนสีดันเร็วกว่าปกติ 1 อาทิตย์ เลยทำให้ช่วงที่ผมไป กลายเป็นช่วงปลายๆ season ใบไม้โรยไปเยอะแล้ว มีวันนึงฝนตกหนักพอสมควร ใบไม้ร่วงหายไปเยอะเลยครับ ถ้าเอา safe ก็ต้องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน แต่ก็อย่างว่า เราไม่สามารถคาดเดาธรรมชาติได้ การวางแผนไปชมใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องทำใจเผื่อไว้บ้าง วัดที่เกียวโตนั้นไม่ได้เปลี่ยนสีพร้อมกันทุกวัด จริงๆแม้บางวัดที่เราชอบจะเลย peak ไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายวัดที่กำลังสวยอยู่นะครับ
1 วัดน้ำใส หรือ Kiyomizu-dera
วัดนี้เรียกได้ว่าเป็นวัดที่ดังที่สุดของเกียวโตเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่บนเนินเขา ฉะนั้นการเดินทางก็คงต้องเป็นรถเมล์เท่านั้น แต่ผมว่าเรียก taxi สะดวกที่สุดครับ ถ้ามากัน 3-4 คนก็เรียก taxi เลย ประหยัดเวลา ผมเรียกจากสถานีเกียวโต ก็ตกประมาณพันเยน ขากลับก็เรียก taxi จากหน้าวัดที่มาส่งนักท่องเที่ยวกลับได้สบายๆ
จุดชมวิวที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นมุมที่เห็นต้นไม้แดงและตัวอาคารไม้เก่าแก่ หากมาจากทางหน้าวัด จะเดินผ่านตัวอาคารไม้ก่อน และมุมนี้ก็เดินไปด้านในสุดเลยครับ ไม่มีหลงแน่นอน ผมมาที่นี่ตอนเช้าตรู่ เพราะไม่อยากเจอคนเยอะๆครับ และก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย นับหัวคนได้ 555 ในวัดไม่ให้ใช้ขาตั้งกล้อง แต่ที่จุดนี้มีราวที่กว้างพอ สามารถวางกล้องได้ครับ
ถ้ามาตอนเย็น หรือตอนกลางคืนที่มี light up นี่คนมหาศาล เดินไปเรื่อยๆไหลไปตามกระแสคน ไม่สามารถค่อยๆบรรจง ซึมซับบรรยากาศและความสงบของวัดได้เลย การตั้งกล้องถ่ายรูปนี่คงเลิกคิดได้เลยครับ
2 Arashiyama
Arashiyama มีคนพายเรือ และใบไม้แดงประกอบเป็นฉาก เป็นภาพอีกภาพที่ผมฝันว่าต้องมาชมให้ได้ ที่นี่ต้องมาเช้าเช่นกันครับ เพราะเป็นเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยว คนจะเริ่มเยอะประมาณหลังสิบโมง ถ้ามาถึงสักแปดโมงเช้าก็สามารถเดินเล่นในป่าไผ่ได้ และเดินต่อไปจนถึงริมแม่น้ำ ซึ่งถ้าอยากได้ต้นไม้สวยๆต้องเดินไปไกลจากสะพาน Togetsukyo สักหน่อย และกว่าแสงจะพ้นหลังเขาก็ประมาณสิบโมงพอดีครับ ใบไม้แดงจะสดมากๆถ้าเป็นมุมย้อนแสง ฉะนั้นช่วงเวลาสายๆเป็นเวลาทองเลยทีเดียว ผมแวะมา Arashiyama หลังจากวัดน้ำใสครับ ซึ่งก็ไม่ถึงกับต้องรีบเกินไป จากสถานีเกียวโต นั่งรถ JR ลงป้าย Arashiyama ได้เลย ผมว่าเร็วกว่านั่งรถสาย Randen แม้ว่าจะต้องเดินไกลกว่านิดหน่อย แต่การเดินชมเมืองตอนเช้าก็เพลินไม่เลว
แนะนำว่าถ้ามา Arashiyama แล้วต้องเดินเที่ยววัด Tenryuji ด้วยนะครับ แต่ผมข้ามไปเพราะเจอมวลมหานักท่องเที่ยวทะลักมาหลังจากถ่ายรูปที่ริมแม่น้ำเสร็จครับ รีบถอนตัวหนีไปวัดเล็กๆแทบไม่ทันเลยทีเดียว
อีกสองวัดที่อยู่ในละแวกนี้ที่น่าสนใจคือ Adashino Nenbutsu-ji ซึ่งจะมีป่าไผ่เล็กๆ แต่มีลูกเล่นที่เป็นขั้นบันได ไม่เหมือนป่าไผ่หลักของ Arashiyama ที่เป็นทางราบ และมีรถวิ่งผ่านตลอดอีกด้วย 555 ส่วนอีกวัดคือ Jōjakukō-ji ที่ผมชอบภาพถ่ายจากทางเข้าวัด แต่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายเพราะเมเปิ้ลร่วงไปเสียก่อน
3 Bishamon-do
วัดนี้ผมชอบมาก เพราะมันอยู่นอกเส้นทางเที่ยวครับ นั่งรถ JR หรือรถไฟใต้ดินก็ได้ ลงสถานี Yamashina แล้วเดินต่อไปอีกหน่อย (หรือจะเรียก taxi จากหน้าสถานีก็ได้) ด้านหน้าวัดจะมีขั้นบันไดสวยๆ ที่มีต้นเมเปิ้ลแดงเป็นซุ้มทางเดิน ผมไปตอนบ่าย (หนีจาก arashiyama) คนไม่เยอะเลย ถ่ายรูปสบายๆเลยครับ จำได้ว่าผมอยู่ที่วัดนี้นานมากๆ อยู่ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น น่าจะสามชั่วโมงได้ 555 ผมไปลอก location นี้มาจาก 500px ครับ
4 Daigo-ji
วัด Daigoji เป็นวัดใหญ่ที่มีวัดย่อยๆหลายวัดมากๆ แต่จุดที่ผมเล็งไว้นั้นเป็นมุมคลาสสิคที่อยู่ในสวนด้านในสุดของวัดเลยครับ ซึ่งกว่าผมจะได้ภาพที่ไม่มีคนนั้นก็ต้องรอจนถึงเย็น ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมี light up แต่จะต้องเข้ามาอีกรอบ และเสียเงินเพิ่มครับ การเดินทางนั้นสามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Daigo แล้วจากหน้าสถานีจะมีรถเมล์วิ่งตรงถึงวัด แต่มีไม่ถี่มากครับ ขากลับนี่ผมรอนานเหมือนกัน
ผมมาช้าไปหน่อย เมเปิ้ลร่วงไปเยอะ ปี 2014 ใบไม้เปลี่ยนเร็วไปประมาณ 1 อาทิตย์ครับ
5 Enkoji & Shisen-do
สองวัดนี้อยู่ใกล้ๆกันครับ สามารถไปพร้อมกันได้ การเดินทางจะยากสักหน่อยเพราะต้องต่อรถหลายต่อ ซึ่งก็ทำให้นักท่องเที่ยวไม่แน่นเท่ากับที่อื่นๆครับ ตอนที่ผมไปมีฝนตกแรงๆอยู่วันนึง ทำให้ใบไม้ที่ Shisen-do ร่วงไปเกือบหมด เลยมีภาพจาก Enkoji มานิดหน่อย วัด Enkoji จะเน้นสวนสวยๆครับ มีทั้งสวนหิน และสวนญี่ปุ่น การเดินทาง ต้องนั่งรถไฟมาลง Demachiyanagi Station แล้วต่อรถไฟ Eizan (ใช้บัตร ICOCA ไม่ได้อีก 55) ไปลงสถานี Ichijoji แล้วเดินไปจนถึงวัด ประมาณ 20 นาทีครับ เรียก taxi ขาไปวัดหายากหน่อย เพราะสถานีเล็ก แต่ขากลับ ตรงหน้าวัด Shisen-do จะมี taxi จอดอยู่ตลอดครับ
หากใครมีเวลามากกว่านี้ นอกจากวัดดังๆที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอย่าง Ginkakuji, Tokufuji เกียวโต ผมคงต้องหาโอกาสไปชมวัดอื่นๆอีกครับ ผมมีแค่สองวันครึ่ง จัดได้เท่านี้จริงๆ เพื่อนผมเที่ยวกันนานกว่านี้เยอะ ฮาาาา
ของแถมพิเศษ
มีอีกสองสถานที่ที่ผมชอบมากๆ แต่ไม่มีใบไม้ให้ชมนะครับ นั่นคือ Fushimi Inari กับย่านเมืองเก่า Higashiyama
ที่แรกเลย Fushimi Inari หรือศาลเจ้าจิ้งจอก ที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่อง Torii นับพันๆต้น แต่จะมีแค่ช่วงเดียวประมาณ 50-100 เมตรเท่านั้นที่เป็น Torii แดงต้นเล็กๆ และดูแน่นจนเหมือนเป็นอุโมงค์สวยมากๆครับ ถ้าอยากมาถ่ายเสาโล่งๆให้มาแต่เช้าเลยครับ ไม่งั้นคนล้นมากแน่ๆ ของผมนี่มาวันฝนตกเลยครับ 5555 ขนาดวันฝนตกและเป็นตอนเช้า ก็ยังมีคนเยอะพอสมควร กว่าจะรอจังหวะให้ไม่มีคนตลอดแนวนี่ยากไม่ใช่เล่นเลย
ส่วนตัวหนังสือที่สลักตามเสานั้นคือรายนามผู้บริจาคครับ
การเดินทาง นั่งรถไฟ JR หรือ Keihan ก็ได้ ลงป้าย Fushimi-inari หรือ Inari (JR) ผมว่านั่ง JR ง่ายกว่าและเร็วกว่าครับ แต่คงไม่เหมาะสำหรับคนใช้ Kansai Thru Pass
สำหรับ Higashiyama นั้นผมเล็งมุมบ้านเก่าๆกับเจดีย์ไว้ บ้านไม้และทางเดินเหล่านี้จะเป็นเส้นนำสายตาพอดี เจดีย์นี้ชื่อ Yasaka ครับ หาไม่ยาก เป็นมุมคลาสสิคอีกมุมนึงที่ผมชอบมากๆเช่นกัน ให้เดินมาทางตะวันออกของเจดีย์ครับ ซึ่งจุดนี้คนอาจจะเยอะหน่อย เพราะเป็นทางเดินกลับของนักท่องเที่ยวจากวัดน้ำใสครับ (พิกัด 34° 59′ 54.1″ N, 135° 46′ 46.5″ E)
แถมน้ำตกมิโน่ที่โอซาก้าอีกที่นึงครับ จาก Umeda นั่งรถไฟลงสถานี Minoo ได้เลย เดินประมาณ 2-3km ทางไม่ชันมาก มีร้านขายของให้เสียทรัพย์ตลอดทาง 5555 น้ำตกนี้ผมว่ามันคลาสสิคมากๆครับ น้ำตกเล็กๆ พื้นหลังสีดำ มีกิ่งใบเมเปิ้ลสีแดงมาประกอบฉาก ผมว่ามันลงตัวสุดๆ
สำหรับ report ใบไม้เปลี่ยนสีนั้น ผมติดตามจากเวบของ Japan Guide หรือ และก็ตามจาก facebook page อย่างเช่น Japan Thai Fanclub และ Kansai Tourism ครับ
หลายๆคนที่ผมรู้จักบอกว่าปีนี้นักท่องเที่ยวมาญี่ปุ่นกันเยอะมากๆ ฉะนั้นก็คาดเดาได้ว่าปีหน้าก็คงเยอะขึ้นอีก และก็จะเยอะขึ้นเรื่องๆ ถ้าสนใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงที่ฮิตๆอย่างซากุระ หรือใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องแพลนล่วงหน้ากันให้นานๆนะครับ ที่พักดีๆจะถูกจองเต็มหมดแล้ว โดยเฉพาะเกียวโตนี่ ที่พักไม่เพียงพอเลย ผมว่าตัวเมืองมันรับนักท่องเที่ยวไม่ไหว ไม่ว่าจะไปกินข้าวที่ไหนก็ต้องต่อคิวยาวมากๆ (เผื่อใครจะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า 555) อย่างวัด Tokufuji นี่ผมก็แวะไปมา แต่เจอคิวที่ต่อเข้าวัดแล้วผมถอดใจ ไปที่อื่นดีกว่า 55
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆคนที่วางแผนจะเดินทางไปชมใบไม้แดงในปีหน้านะครับ สำหรับผมแล้ว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเสน่ห์และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหลจริงๆ ต่อให้คนเยอะ ผมก็ยังอยากไปอีกครับ ยังมีอีกหลายๆที่ที่อยู่นอกเส้นทางของนักท่องเที่ยว และคุณจะได้สัมผัสญี่ปุ่นแบบญี่ปุ่นจริงๆครับ
You must be logged in to post a comment.