ก่อนอื่นเลยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่เราจะได้เห็นแสงเหนือหรือไม่นั้น ไม่มีอะไรมาการันตีได้เลยครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวง 100% เท่านั้น และมีปัจจัยหลักๆทางธรรมชาติอยู่ 3 อย่าง นั่นคือ
หนึ่ง สภาพอากาศ ฟ้าต้องเคลียร์ ผมดูอากาศจากเวบ NOAA เป็นหลักครับ
สอง ตำแหน่งที่ตั้ง ต้องอยู่ในละติจูดที่พอเหมาะกับการเห็นแสงเหนือ และกลางคืนมืดสนิท
สาม ต้องมี geomagnetic storm หรือมี activity ของแสงเหนือนั่นเอง สามารถบอกได้คร่าวๆจากการดูค่า Kp index หรือ aurora oval
ปัจจัยแรกและปัจจัยที่สามนั้นเราควบคุมอะไรไม่ได้ แต่ปัจจัยที่สองนั้นเราพอที่จะเลือกมันได้ครับ ถ้าเราดูจากแผนที่จาก UAF จะพบว่า ที่ตั้งที่เหมาะสมสำหรับดูแสงเหนือก็คือตามแนวตอนกลางของอลาสก้า เรื่อยไปถึงตอนบน แต่ถ้าพิจารณาเรื่องการเดินทางเป็นหลัก Fairbanks จะเป็นที่ๆเหมาะสมที่สุด เพราะมีทั้งสนามบิน และถนนหนทางสะดวก ถ้าเข้าไปในรัฐ Yukon ก็สามารถเห็นได้ที่ Dawson City ด้วย สังเกตว่าแนวที่เห็นแสงเหนือนั้นจะไม่ขึ้นกับละติจูดเพียงอย่างเดียว เพราะมันพาดแบบเฉียงๆ พอเข้าไปแคนาดาจะพาดลงไปทางใต้ด้วย แต่สำหรับอลาสก้านั้นจะกินบริเวณแต่ตอนบนเป็นหลัก ส่วนมากที่ Anchorage จะไม่ได้เห็นชัดมากนัก อาจจะเห็นที่ปลายขอบฟ้า แต่ Fairbanks, Bettles, Fort Yukon นั้นเห็นที่กลางหัว เพราะบริเวณแถบสีเขียวพาดผ่านพอดี
ถ้าถามว่าทำไมแถบแสงเหนือถึงได้พาดเฉียงๆ อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน อย่างที่อเมริกาจะพาดต่ำมากๆลงมาถึงเกือบๆพรมแดนของอเมริกาและแคนาดา บางทีก็ทำให้รัฐ Minneasota เห็นแสงเหนือได้พร้อมๆกับอลาสก้าเลย ส่วนทางยุโรป รัสเซีย แถบเขียวนี้จะค่อนข้างอยู่ในละติจูดที่สูงหน่อย คือบริเวณ Arctic Circle
ภาพด้านบนนี้คือ Activity ความแรงประมาณ 2 (ตามสเกลของ UAF แต่เป็นคนละสเกลกับ Kp-index นะครับ) ถ้าเกิดว่า activity แรงจริงๆ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20-21 ธันวาคม 2015 ที่ผ่านมา จะพบว่า อาณาเขตที่จะดูแสงเหนือได้ กินบริเวณกว้างมาก ยาวลงไปถึงตอนล่างของอลาสก้าเลย
ในกรณีที่ activity แบบนี้ (ระดับ 6) เราก็สามารถเห็นแสงเหนือได้ที่ Anchorage และ Seward ด้วย แต่กรณีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆครับ ฉะนั้น ถามว่าที่ไหนในอลาสก้าเหมาะสมที่สุด ก็ต้องตอบว่า Fairbanks ครับ หลายคนเคยถามผมว่าที่ Anchorage นั้นเห็นแสงเหนือได้มั้ย ผมก็ตอบว่า ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับ activity ครับ มันต้องแรงระดับนึง ถึงจะมีแสงเหนือลงมาต่ำถึง Anchorage
อีกปัจจัยนึงที่ผมไม่ได้กล่าวถึงในสามข้อด้านบน เพราะไม่ได้เป็นปัจจัยจากธรรมชาติครับ นั่นคือ แสงไฟเมืองนั่นเอง
การถ่ายแสงเหนือ ทางที่ดี เราควรเลี่ยงแสงไฟเมือง เพราะจะรบกวนการเห็นแสงเหนือ และรบกวนการถ่ายภาพด้วย เราคงไม่อยากเห็นภาพแสงสีเขียวๆมาถูกแต้มไปด้วยแสงส้มๆ ทำให้แสงเขียวของเราเห็นไม่ชัดเท่าที่ควร ทิศทางที่เหมาะสม ก็ควรเป็นทิศทางที่หันหน้าออกไปคนละทางกับแสงไฟเมืองครับ
เดือนไหนดี?
สำหรับเดือนที่เหมาะสำหรับการดูแสงเหนือ ต้องเป็นเดือนที่ท้องฟ้ามืดสนิทในตอนกลางคืนครับ ในหน้าร้อนที่อลาสก้านั้นแทบจะมีแสงกลางวัน 24 ชั่วโมง ฉะนั้นเดือนที่เหมาะสมจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมไปจนถึงกลางเดือนเมษายนครับ ถ้าเป็นละติจูดสูงๆอย่าง Fairbanks ช่วงเดือนจะแคบกว่า ประมาณต้นเดือนกันยายนไปจนถึงปลายเดือนมีนาคมครับ ผมเคยไปช่วงสงกรานต์ กว่าพระอาทิตย์จะตกก็เกือบสามทุ่ม และกว่าท้องฟ้าจะมืดสนิทจริงๆก็เกือบห้าทุ่มเลยครับ ตีห้าก็เริ่มสว่างไปแล้ว เลยมีเวลากลางคืนไว้ดูแสงเหนือสั้นลงไปครับ
ถ้ามาในช่วงก่อนเข้าหน้าหนาว เช่น เดือนกันยายนหรือตุลาคม เป็นหน้า Fall หรือหน้าใบไม้เปลี่ยนสี อากาศจะไม่หนาวมาก แต่โอกาสที่ท้องฟ้าจะเปิดค่อนข้างยากหน่อย จริงๆอลาสก้าก็อากาศแปรปรวนอยู่ทั้งปี แทบไม่มีความต่างมาก ผมว่าช่วงหน้า Fall ก็จะยากกว่าหน้าหนาวนิดนึง ผมว่าดวงฟ้าเปิดสำคัญกว่าครับ 55 แต่ข้อดีคือทะเลสาบต่างๆยังไม่เป็นน้ำแข็งและไม่มีหิมะปกคลุม เราสามารถถ่ายภาพเงาสะท้อนของแสงเหนือได้ครับ ถ้ามาช่วงมกราคม ช่วงเวลากลางคืนจะยาวมาก ยิ่งกลางคืนยาวเท่าไหร่เราก็มีช่วงเวลารอแสงเหนือ (และรอลุ้นอากาศ) มากขึ้นเท่านั้น แต่อากาศก็จะหนาวสุดๆ ที่อลาสก้านี้แม้จะเลยเข้าไปเดือนมีนาแล้วก็ยังหนาวอยู่ครับ ผมไปกลางเดือนเมษา ยังมีหิมะปกคลุมทะเลสาบอยู่เลย และตอนกลางคืนอากาศก็ยังหนาวติดลบอยู่ ฉะนั้นถ้ามาเดือนมีนาคมหรือเมษายน แม้อากาศจะไม่หนาวเท่ามกราคม แต่ก็จะยังได้บรรยากาศหิมะๆแบบหน้าหนาวอยู่ครับ
ใน blog ตอนนี้ผมจะกล่าวถึงจุดถ่ายแสงเหนือที่ผมไปมานะครับ อาจจะไม่ใช่แผนที่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็พอจะเป็นไอเดียให้ได้บ้าง
Fairbanks
เริ่มต้นกันที่เมืองหลักของการดูแสงเหนือ ผมเรียกให้เป็น hub ของการดูแสงเหนือแล้วกันครับ ไม่ว่าใครก็แทบจะมาตั้งต้นที่นี่กันหมด ข้อดีของ Fairbanks ก็คือละติจูดอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ที่พัก อาหารการกินมีให้เลือกหลากหลาย เดินทางไม่ยาก แต่จะไม่ค่อยมีมุมเด็ดๆเท่าไหร่นัก เพราะภูเขารอบๆไม่ค่อยสวยเลย ผมว่าเหมาะสำหรับดูแสงเหนือ แต่ไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพสักเท่าไหร่ จุดชมแสงเหนือหลักๆก็จะมี
- Aurora Mountain/Cleary Summit ผมได้เห็นแสงเหนือเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ที่นี่แหละครับ บริเวณค่อนข้างโล่ง ที่จอดรถเยอะ แต่ว่ามุมเปิดจะหันไปทางทิศใต้ ไปทางเดียวกับ Fairbanks ก็จะทำให้ถูกรบกวนจากแสงไฟเมืองได้ง่ายหน่อย
- Ester Dome เป็นเนินโล่งอยู่ทางตะวันตก แต่อยู่ใกล้ Fairbanks ที่สุด ทำให้ Light Pollution เยอะตามไปด้วยครับ
- Murphy Dome คล้ายกับ Ester Dome แต่จะอยู่ไกลกว่า ตรงนี้มี Observatory ตั้งอยู่ อาจจะมีแสงรบกวนมากหน่อยครับ แต่ถ้าหันหน้าไปอีกด้านนึง (ทางตะวันตก) ก็จะยังพอถ่ายได้
- Chena Lakes อยู่ใกล้กับเมือง North Pole ถ้ามาที่นี่ช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม สามารถถ่ายเงาสะท้อนของแสงเหนือได้ครับ แต่ถ้าเริ่มเข้าหน้าหนาวไปแล้ว ทะเลสาบจะเป็นน้ำแข็งและปกคลุมไปด้วยหิมะครับ
- Chena Hot Springs ที่นี่ผม list ให้เป็นที่สุดท้าย แม้ว่าใครๆที่ Fairbanks บอกว่าถ้าจะไปดูแสงเหนือ ต้องไปดูที่นี่ เพราะผมไปแล้วไม่ค่อยประทับใจ ทีนี่เป็นรีสอร์ทของเอกชน ต้นไม้ก็เยอะ ไม่ค่อยมีวิวโล่งๆสักเท่าไหร่ครับ
หากใครมีเวลา สามารถติดต่อหา cabin ที่ทำด้วยไม้ ถ่ายคู่กับแสงเหนือ จะดูคลาสสิคมากๆเลย รอบๆ Fairbanks มีอยู่หลายเจ้าเลยครับ
Aurora Mountain Ski area
Murphy Dome
Brooks Range on Dalton Highway
หากใครใจถึง และขับรถได้ถึกๆ ทางตอนเหนือของเมือง Fairbanks มีเทือกเขาที่ชื่อ Brooks Range ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ต่อยาวลงไปถึงแคนาดา เรื่อยไปจนถึงแคลิฟอร์เนียเลยครับ การเดินทาง ก็ต้องขับรถประมาณ 325 ไมล์ หรือ 523 กิโลเมตร ขึ้นจาก Fairbanks ไปทางเหนือ ถนน Dalton Highway ทั้งสายยาว 414 ไมล์ครับ แต่บริเวณภูเขาสวยๆจะอยู่ที่ Atigun Pass พอเลยจากนี้ไปก็จะเป็นที่โล่งๆอย่างเดียว และเมื่อขึ้นเหนือเกินไป ก็จะเลยออกนอกบริเวณแถบสีเขียวที่เห็นแสงเหนือได้เสียอีก ฉะนั้น Atigun Pass ผมคิดว่าเป็นจุดที่เหมาะสมแล้วครับ
ล่าสุดผมไปมาเมื่อปลายเดือนสิงหาคม เส้นทางดีทีเดียว แต่ก่อนผมมาเมื่อปี 2011 ยังเป็นลูกรังล้วนๆ ตอนนี้ลาดยางไปเยอะมากแล้ว จาก Yukon Crossing ขึ้นไปถึง Wiseman (130 mi) เป็นลาดยางตลอดเส้นเลยครับ
ผมไปดูแสงเหนือที่นี่มาสองครั้ง ครั้งแรกเดือนมีนาคม 2012 ส่วนอีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 ครั้งแรกนี้ผมจอดถ่ายรูปกันที่ Atigun Pass ไปเผชิญอากาศหนาวสุดโหดที่ -53C แต่ตอนเดือนสิงหาคมนี่ไม่หนาวมากเท่าไหร่ ประมาณ -5 C เท่านั้นเอง
โชคดีที่คืนที่หนาวๆคืนนั้น แสงเหนือสวยมากๆ เลยคุ้มค่าที่ออกไปยืนตากลมหนาวสักหน่อย 55
ที่นี่ไม่มีแสงไฟเมืองรบกวนเลยครับ เห็นดาวชัดมากๆ
Atigun Pass
มุมนี้ถ่ายจากข้างทาง Dalton Highway milepost ประมาณ 210
Anchorage & Seward
เนื่องจาก Anchorage เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอลาสก้า ฉะนั้นแสงไฟเมืองจะรบกวนการเห็นแสงเหนือมากพอสมควร จุดชมวิวที่พอจะเห็นแสงเหนือได้ (หันหน้าไปคนละทางกับเมือง) ผมแนะนำ Glen Alps trailhead ครับ แถวนี้จะโล่ง ไม่มีต้นไม้ เพราะอยู่บนที่สูงพอสมควร และรถถึงด้วย เดินทางสะดวก
นอกจากนี้ก็ยังมีเมือง Seward ที่ช่างภาพชอบถ่ายกัน แต่ Seward นั้นอยู่ลงไปทางใต้มากกว่า Anchorage อีก ฉะนั้นต้องอาศัยจังหวะแสงเหนือที่แรงมากๆ ถึงจะเห็นลงมาถึงตอนใต้ครับ
Mat-su Valley
บริเวณนี้ผมเรียกรวมๆของบริเวณตั้งแต่เมือง Palmer (ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของ Anchorage) เรื่อยไปทางตะวันออกตาม Glenn Highway จนถึงเมือง Glennallen ถนนเส้นนี้ตัดผ่าน landscape สวยๆหลายที่เลย แต่ส่วนมากมุมสวยๆจะอยู่ทางด้านใต้ รวมทั้ง highlight อย่าง Matanuska Glacier ด้วย ฉะนั้นถ้าจะคาดหวังว่าจะถ่ายแสงเหนือกับ landscape สวยๆ คงต้องลุ้นให้แสงเหนือแสงเอามากๆ ถึงจะเห็นลงมาต่ำถึงบริเวณนี้ และแรงพอที่จะเห็นได้ทั้งฟ้า พาดยาวมาถึงด้านใต้ด้วย ซึ่งถ้าในกรณีปกติ แสงเหนือไม่แรงมาก ที่ละติจูดนี้จะเห็นไปทางขอบฟ้าด้านเหนือเสียมากกว่าครับ และตลอดเส้นทาง Glenn Highway จะแทบไม่มีมุมเปิดให้เห็นขอบฟ้าด้านเหนือเลย
อีกบริเวณนึงที่อยู่ทางเหนือของเมือง Palmer ชื่อว่า Hatcher Pass ที่นี่จะได้มุมเห็นไปทางเหนือ และบริเวณนี้จะโล่ง ไม่มีต้นไม้ landscape ก็ถือว่าดีทีเดียว แต่ข้อเสียคือขอบฟ้าด้านเหนือจะมีภูเขาบัง (ถ้าไม่อยากให้บังต้อง hike ประมาณ 20 ไมล์เพื่อข้ามเขาไป) ถ้าแสงเหนือแรงพอ ผมคิดว่าเป็นมุมที่น่าสนใจทีเดียวครับ
ท้ายสุดสำหรับบริเวณนี้ ผมแนะนำ Knik River ครับ อยู่ทางด้านใต้ของ Palmer อาจจะมีต้นไม้รกบ้างนิดหน่อยแต่ก็พอถ่ายได้ และมีภูเขาเป็น subject อยู่ไกลๆ ถ้ามาช่วงก่อนเข้าหน้าหนาวก็อาจจะได้ reflection ของแสงเหนืออยู่บนสายน้ำก็เป็นได้ครับ การเดินทางไม่ยาก จาก Anchorage ให้ขับแยกเข้า Old Glenn Highway แล้วเส้นทางนี้จะข้าม Knik River เป็นสะพานอันใหญ่ๆอยู่แค่ที่เดียว หาไม่ยากครับ และค่อนข้างมืดพอสมควร เมือง Palmer ไม่ใหญ่เท่า Fairbanks หรือ Anchorage ฉะนั้นแสงไฟเมืองจะไม่รบกวนมากนัก สามารถถ่ายแสงเหนือได้ครับ
Knik River คือบริเวณที่มีหิมะด้านล่างนี่แหละครับ
Denali National Park
Denali เป็นอีกที่นึงที่มีภูเขาสวยมากๆ แต่มีข้อจำกัดคือเราจะขับรถส่วนตัวเข้าไปได้แค่ 15 ไมล์เท่านั้น ไปได้แค่ Savage River ถ้าอยากเข้าไปไกลกว่านี้ต้องจอง Campsite ที่อยู่ด้านใน (ต้องนอนสามวันติด) หรือไม่ก็ลองเสี่ยงดวงกับ Road Lottery หรือไม่ก็ใช้วิธีนั่งรถบัสเข้าไป แล้วกางเตนท์นอนกันเอง ที่ Denali นี้เราสามารถแคมป์ที่ไหนก็ได้ แต่ต้องขอ permit เป็นบริเวณๆไป
ครั้งล่าสุดที่ผมไป Denali ผมเช่ารถ RV แล้วก็ขับไปมาบนเส้นทาง 15 ไมล์แรกนี่แหละครับ พอมีมุมถ่ายรูปอยู่บ้าง แม้จะไม่มากสักเท่าไหร่ โชคดีฟ้าเปิด เลยได้เห็นแสงเหนือสองวันติดๆกัน
แต่ถ้าใครจะมาดูแสงเหนือในหน้าหนาวก็ต้องตัด Denali ทิ้งเลยครับ เพราะถนนปิดตั้งแต่กลางเดือนกันยายน หน้าหนาวก็จะมีแต่หิมะ ไม่สามารถเข้าไปได้แน่นอน
มุมนี้เราขับไปเจอลำธารข้างๆทางครับ เลยปักหลักถ่ายกันซะเลย แสงเหนือที่เห็นเขียวมากกว่ารูปอื่นๆเพราะผมปรับ white balance ครับ ผมถ่ายภาพนี้ตอนต้นเดือนกันยายน ยังไม่มีหิมะ และลำธารยังไม่เป็นน้ำแข็งครับ
กล่าวโดยสรุปคือ ผมแนะนำว่าให้ตั้งต้นจาก Fairbanks เพราะทำเลที่ตั้งดีที่สุด แต่ข้อเสียคือจุดถ่ายภาพสวยๆไม่ค่อยมี ต้องขับออกไปพอสมควร ภูเขาสวยๆจะอยู่แถว Denali, Anchorage หรือไม่ก็ Brooks Range เลย ให้มาอยู่สัก 4-5 วัน อย่างน้อยผมว่าถ้าเราดวงไม่กุดจนเกินไป อากาศมันจะต้องเป็นใจ ฟ้าเปิดให้เห็นสักวันสิน่า 555 (อันนี้อยู่ที่ดวงของแต่ละคนด้วยนะครับ) เดือนกันยา หรือไม่ก็มีนา ผมว่าสองเดือนนี้ดีครับ ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้บรรยากาศ Fall หรืออยากได้ Winter มากกว่ากัน
ถ้าสนใจเรื่องการถ่ายภาพ และข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับแสงเหนือ สามารถติดตามได้จากบทความของผมครับ
You must be logged in to post a comment.