เมื่ออาทิตย์ก่อนผมเดินทางจากเมืองลอสแองเจลิสกลับประเทศไทยด้วยสายการบินที่ผมเก็บไมล์เป็นประจำ นั่นคือ Asiana Airlines สายการบินในเครือ Star Alliance ซึ่งสายการบินนี้มีให้บริการชั้นหนึ่งเส้นทางจาก LAX-ICN และ JFK-ICN ด้วยเครื่อง Airbus 380 และ LAX-ICN ด้วยเครื่อง Boeing 777 ซึ่งผมบินไฟลท์หลังครับ เพราะออกจากแอลเอตอนกลางคืน และถึงเกาหลีในตอนเช้าพอดี เวลาบนเครื่องก็จะเป็นกลางคืนทั้งหมด ไหนๆก็เป็นไฟลท์ส่งท้ายที่จะกลับไทยแล้ว ก็เลยจัดหนักเสียหน่อย 555 สำหรับ First Class ของ Asiana จะมี 2 แบบคือ First Class ธรรมดา และ First Class Suite ซึ่งจะมีผนังและประตูกันเป็นห้องส่วนตัว
และนี่ก็เป็นการนั่ง First Class ครั้งแรกในชีวิตของผมครับ และก็เป็นการรีวิวสายการบินครั้งแรกด้วย ปกตินั่งเครื่องมาเยอะ ไม่คิดจะรีวิว เพราะขึ้นเครื่องไปก็หลับเลย 555 มีแค่ครั้งนี้ที่ถ่ายรูปมาเยอะหน่อย
ฝูงบิน Boeing 777 ของ Asiana ได้ปรับปรุงใหม่ ถอด First Class ออกแล้ว ตอนนี้จะเหลือแค่ Airbus 380 เท่านั้นครับ รีวิวนี้เลยเป็นประวัติศาสตร์ไปโดยปริยาย 55
อัพเดต และล่าสุด ตั้งแต่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นมา สายการบิน Asiana Airlines ไม่มีให้บริการ First Class แล้วครับ ที่นั่งเดิมที่เป็น First Class จะเรียกเป็น Business Suite คือเราได้นั่งที่นั่ง First Class แต่บริการก็จะเป็น Business นั่นเอง ไม่มีพวกคาเวียร์ครับ
ปกติแล้ว ถ้าจ่ายเงินซื้อตั๋ว First Class Suite ตั๋วไปกลับ LAX-BKK จะอยู่ที่ 9000 USD หรือประมาณสามแสนกว่าบาท และตั๋วเที่ยวเดียว 4800 USD โดยบินเครื่อง A380 ทั้งหมด แต่ถ้าบิน LAX-ICN มาแค่เกาหลี กลับแพงกว่า ผมก็ไม่เข้าใจการตั้งราคาเหมือนกัน 555 ซึ่งผมเองก็ไม่มีเงินจ่ายขนาดนั้นหรอกครับ ผมใช้ไมล์ที่เก็บไว้ แลกตั๋วแทน ซึ่งสำหรับเส้นทาง LAX-ICN ในช่วง low-season จะคิดราคาอยู่ที่ 80,000 ไมล์ต่อขา ถ้าบินยาว LAX-BKK ตามหน้าเวบจะคิด 100,000 ไมล์ แต่ช่วงที่ผมเดินทาง ไม่มีโควต้าที่นั่ง first class suite บนไฟลท์ ICN-BKK ให้ผมแลกไมล์เลย ผมก็เลยจ่ายขา ICN-BKK เป็น Business แทน ซึ่งก็เสีย 95,000 ไมล์
โชคดีที่ผมเปิด credit card กับสายการบินนี้ เลยได้มา 10,000 ไมล์ และยังมีส่วนลดจาก Diamond member อีก 10,000 ไมล์ ก็ประหยัดไปได้ 20,000 ไมล์ เบ็ดเสร็จผมใช้ไมล์ที่เก็บมาทั้งหมด เทหมดหน้าตักไปทั้งสิ้น 75,000 ไมล์ และมีค่าธรรมเนียมอีก 134.88 USD ก็ราวๆ 4700 บาท (ภาพตัวอย่าง ผม search ให้ดูกันครับ แต่ไม่ใช่วันเวลาที่ผมบินจริงๆ) เดี๋ยวนี้สายการบินเกาหลีและญี่ปุ่นได้ลดค่าธรรมเนียมน้ำมันลงมามากแล้ว ทำให้ราคาตั๋วแลกไมล์ไม่แพงอย่างเมื่อก่อนครับ
สำหรับผมแล้ว 75,000 ไมล์ บวกอีกสี่พันเจ็ดร้อยบาท ถือว่าคุ้มครับ ครั้งหนึ่งในชีวิตได้นั่ง First Class Suite
#เป็นบุญก้นยิ่งนัก ฮาาา (ยืมคำเพื่อนแป้งมาใช้)
ผมข้ามไปถึงบนเครื่องเลยนะครับ อาจจะเพราะว่าผมออกจากสนามบิน Los Angeles ซึ่งไม่ใช่สนามบินแม่ของสายการบินนี้ บริการต่างๆก็เลยไม่มีอะไรที่น่าประทับใจมากนัก ที่ LAX ก็มี First Class lounge แยกออกมาต่างหากจาก lounge ปกติ แต่ก็ใช้รวมกับผู้โดยสารอื่นๆของ Star Alliance และตอนมาขึ้นเครื่องก็เดินมาเอง ถือกระเป๋าเอง ไม่เหมือนสายการบินไทยที่ออกจากสุวรรณภูมิที่มีบริการทุกอย่าง
พอมาถึงที่เครื่อง จัดแจงเก็บของตรงที่นั่ง 2K ผมก็ได้พบกับความประหลาดใจว่า ผมเป็นผู้โดยสารคนเดียวบนชั้น First Class นั่นแปลว่า ทั้งเคบินเป็นของผมเลย พอขึ้นเครื่องปั้บ ผมก็เลยจัดแจง จัดไฟ จัดแสง แล้วก็ถ่ายรูปอย่างเมามันครับ 555 แต่ยังไม่ถึงกับตั้งขาเพราะบนเครื่องเองก็มีที่ไม่กว้างนัก
เอาเป็นว่าใน blog นี้ผมจะเน้นรูปแล้วกันนะครับ
ถั่วขบเคี้ยวก่อนขึ้นเครื่อง ปกติคนอื่นจะดื่มแชมเปญ แต่ผมขอน้ำเปล่าครับ 555
ของที่แจกให้ใช้งานบนเครื่อง ทั้งหมดนี้ยกเว้นหูฟัง สามารถเอากลับบ้านได้ โดยเฉพาะ amenity kit จาก Salvatore Ferragamo อย่างเดียวนี่ก็คงคุ้มต้นทุนที่ผมจ่ายไปแล้ว
และนี่คือของในกระเป๋าครับ ผมใช้ไม่เป็นทั้งหมดหรอกครับ 55
หน้าตาเมนู ผมขอข้ามเมนูเครื่องดื่มไป เพราะผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ครับ ตัว wine list จะเหมือนกันทั้ง business และ first
อาหารเย็น จัดอาหารเกาหลีแบบเซตเต็มมาก จริงๆจะขอแบบ Western อีกชุดก็ได้นะครับ เพราะเคบินว่างมาก แต่ผมอิ่มไม่ไหวแล้ว 55 มาถึงตอนนี้ผมเลยจุดคุ้มทุนกับไมล์ที่จ่ายไปแล้วครับ 55 ถ้าเป็นไฟลท์ที่ออกจาก Incheon สามารถสั่งอาหารพิเศษได้ด้วย
อาหารเช้า ผมเลือกแบบ Western ครับ ขนมปังมีให้เติมได้ไม่อั้น
feature อื่นๆบนที่นั่ง ก็มีทั้ง mini fridge ที่เก็บของสองอัน ทีวีจอยักษ์พร้อมรีโมทยักษ์ มีไฟอ่านหนังสืออยู่รอบตัว ปลั้กไฟ ช่องเสียบหูฟัง ช่อง USB และรวมไปถึงโต๊ะกินข้าวใหญ่มาก
ผมมาเทียบกับรีวิวอีกที่นึงที่บินกับ A380 ที่นั่งไม่เหมือนกันเสียทีเดียวครับ ของ B777 ไม่มีที่เก็บสูทที่ประตู และตัวประตูเลื่อนก็เหมือนกัน
และก็มีอีกจอเล็กไว้สำหรับควบคุมที่นั่ง ปรับระดับทั้งหมด ตัวจออยู่ข้างที่วางรีโมทที่เห็นด้านบน
โต๊ะกินข้าวใหญ่มาก
พอถึงเวลานอน พนักงานต้อนรับก็จะปรับเป็นเตียงให้ ผมขอเค้าให้ปรับอีกที่นั่ง 2G ที่อยู่ติดกับผม ยังไงเครื่องก็ว่าง ก็จะมีห้องนอน กับห้องนั่งดูทีวี
ความเจ๋งของเวลากลางคืนบนเครื่องคือเพดานจะมีดาวให้ดูด้วยครับ สวยมากๆๆ
พอปิดไฟในเคบินให้มืดหน่อย จะเห็นดาวชัดมากๆ
ไฟด้านข้างที่เห็นอยู่ทางซ้ายมือคือไฟอ่านหนังสือเล็กๆครับ
พอตอนเช้าก็จะปรับไฟอีกแบบนึง เป็นสีส้มสลับโทนฟ้า ผมชอบมากๆ
เก็บที่นั่ง 2G กลับมาเป็นเหมือนเดิม
แวะไปถ่ายที่นั่ง 1K สักหน่อย ตอนเช้านี้ไฟตรงริมหน้าต่างจะเป็นสีส้มครับ สร้างบรรยากาศได้ดีทีเดียว
ประตูเลื่อน ดูไปก็สวยดี แต่เวลาที่ต้องเปิดและปิดบ่อยๆนี่ก็รำคาญเหมือนกัน เพราะมันเลื่อนยากนิดนึง ต้องล๊อคแน่นหนาเพื่อความปลอดภัยตอนเครื่องขึ้นลง
จัดไฟทั้งโทนอุ่นและโทนเย็นแบบนี้ ช่างภาพอย่างผมชอบมากๆๆ
ปิดท้ายด้วยภาพผู้โดยสารเกรียนๆ ลากแตะขึ้น first class ครับ 55555
สรุปแล้วประสบการณ์ครั้งแรกกับ First class suite ผมประทับใจมากๆ ดีงามมากๆ คุ้มราคาสี่พันเจ็ดร้อยบาทกับอีก 75,000 mi มากๆ พนักงานต้อนรับให้บริการดีมาก เรียกได้ตลอดเวลา ห้องน้ำสะอาดมาก แม้จะไม่มีที่ให้อาบน้ำเหมือนกับสายการบิน Ethihad หรือ Emirates แต่ก็ถือว่าดีมากๆครับ ถ้าอยู่บนเครื่อง Airbus 380 จะมีมุมให้นั่งเล่นด้วย
สำหรับเรื่องอาหาร ผมเองไม่ได้เป็นคนที่เคยทานอาหารดีๆมามากมาย ก็เลยตอบไม่ได้ว่าดีกว่าที่อื่นหรือไม่ แต่ก็เป็นมื้อที่อร่อยสำหรับผม ไม่นึกว่าจะมีของแบบนี้อยู่ที่ 38,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลด้วยซ้ำ แต่เท่าที่อ่านรีวิวของเจ้าอื่นมา อาหารของ Asiana ยังสู้ของ Emirates หรือ ANA ไม่ได้ครับ และตัวเลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็น้อยกว่าสายการบินอื่นๆครับ ผมไม่ดื่มเลยไม่มีโอกาสมาทดลองไวน์ให้ทุกท่านได้ 555
ถ้าเก็บไมล์กับ Asiana อยู่แล้ว แนะนำให้ลงทุนเก็บต่อไปเลยครับ มันคุ้มจริงๆ ครึ่งหนึ่งในชีวิตต้องมาลองครับ
You must be logged in to post a comment.