เลนส์ตัวนี้เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้เอง ผมได้เลนส์ตัวนี้มาลองช่วงกลางเดือนกรกฏาคม จริงๆแรกๆก็ได้ลองยืมมาจากพี่ดัส พอได้ลองเท่านั้นก็หน้ามืดตามัว ซื้อเลย 555 จนถึงตอนนี้ก็ลองเล่นมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ตอนแรกผมซื้อ Nikon 200-500 มาใช้ได้ไม่นาน พอมาเจอ Sigma 100-400 ต้องยอมรับเลยครับว่าใจมันเขวไปแล้วตั้งแต่ลองถ่ายชอตแรก และเพราะมันทำได้ประทับใจมากๆ ก็เลยโดนเป็นของตัวเองจนได้ ผมได้ลองนำเลนส์ตัวนี้ไปเทสที่ไอซ์แลนด์ เวียดนาม และฮ่องกงมาครับ
ถือว่า blog ตอนนี้เป็นรีวิวฉบับบ้านๆ แบบฉบับช่างภาพ landscape ที่เน้นการใช้งานจริงนะครับ
ผมจะเน้นภาพเป็นหลักนะครับ ภาพทุกภาพผมไม่ปรับแต่งใดๆทั้งสิ้น (ไม่ทำแม้กระทั่งตั้งตึกให้ตรง 555) เป็น JPG ล้วนๆจากกล้อง Nikon D800 ครับถ้าอยากดูไฟล์เต็มสามารถคลิกดูที่ link ด้านล่างภาพได้เลยครับ ผมไม่หวงไฟล์ครับ กดดู 100% ได้ด้วยตัวเองเลย อยากให้ได้กดเห็นศักยภาพของเลนส์จริงๆ (หรือกดที่ link นี้เพื่อดูทุกไฟล์ครับ)
135mm 1/160 f/5.6 ISO 200
crop 100%
สำหรับระยะ 135mm ทำได้ดี ขนาดเปิด f5.6 ก็ยังคม แต่ผมไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะช่วงซูมต้นๆเลนส์ต้องทำได้ดีอยู่แล้ว ที่น่าสนใจคือช่วงปลายๆมากกว่าครับ ติดตามดูได้จากภาพต่อๆไปดีกว่า
เรื่องสเปกผมคงไม่เน้นละเอียดมาก ผมเองก็ไม่ใช้สายที่จำข้อมูลเลนส์อย่างละเอียดสักเท่าไหร่ มี blade กี่ชิ้นก็ไม่เคยจำ 55 คร่าวๆ เลนส์ตัวนี้เริ่มรูรับแสงกว้างสุดที่ f5 และ f ไหลตามช่วงซูมไปจบที่ f6.3 ที่ 400mm ก็ถือว่าไม่ใช่เลนส์สว่างเมื่อเทียบกับ 70-200 f/2.8 แต่ถ้าเทียบกับเลนส์ที่ช่วงซูมและการใช้งานใกล้เคียงกันอย่าง Nikon AF-S 80-400mm f/4.5-5.6G ED VR และ Tamron SP 150-600mm f/5-6.3 Di VC ก็เริ่มที่ f ใกล้ๆกัน อย่าง Nikon AF-S NIKKOR 200-500mm f/5.6E ED VR ก็ f เริ่มที่ 5.6 ด้วยซ้ำไป
จุดเด่นของเลนส์ตัวนี้ ผมยกให้สามเรื่องครับ นั่นคือ
หนึ่ง ความคม คมที่สุดเมื่อเทียบกับ Nikon 80-400, Tamron 150-600, Nikon 200-500 เลยครับ ขนาดที่ f กว้างสุดยังคม ถ้าใส่ไปที่ f/11 นี่ระดับสบายหายห่วงแน่นอนครับ
สอง น้ำหนัก ด้วยน้ำหนักที่เบากว่ามาก แค่ 1.16 kg หรือกิโลกว่าๆเท่านั้นเอง เทียบกับ Nikon 80-400 (1.56 kg), Tamron 150-600 (1.95 kg), Nikon 200-500 (2.09 kg) เรียกได้ว่าต่างกันเยอะมาก
สาม โฟกัส โฟกัสเร็วน่าประทับใจมาก ผมใส่กับ D800 โฟกัสได้เร็วกว่าเลนส์ค่ายอย่าง 200-500 ด้วยซ้ำครับ และโฟกัสเข้าเป๊ะทุกรูป เมื่อก่อนผมเคยหวั่นๆกับเลนส์นอกค่ายว่าจะโฟกัสแม่นหรือไม่ ผมไม่เคยมีปัญหากับเลนส์ตัวนี้เลย
ผมคิดว่าเลนส์ตัวนี้มีประโยชน์มากๆก็สำหรับภาพถ่ายนก เพราะช่วงเลนส์ 400mm สามารถถ่ายอะไรได้เยอะทีเดียว ยิ่งพอใส่กับกล้องตัวคูณ หรือใช้กล้อง 36 ล้าน 45 ล้าน ก็สามารถ crop ได้อีก เพราะตัวเลนส์ก็ให้ภาพที่คมชัดน่าประทับใจ ผมได้ลองถ่ายนกพัฟฟินที่ไอซ์แลนด์กับเลนส์ตัวนี้ ผลลัพธ์ดีทีเดียวเลยครับ เห็นรายละเอียดขนนกชัดเจนมากๆๆๆๆ
400mm, 1/1250s f/6.3 ISO 500 สังเกตได้ว่าผมใช้ f กว้างสุดที่ช่วงซูม 400mm ความคมดีมากทีเดียวครับ
ครอป 100%
มีภาพตัวอย่างให้อีกภาพนึงครับ ถ่ายที่ 400mm 1/1250s f/6.3 ISO 500 การเก็บรายละเอียดที่ปีกนกทำได้ดีมากๆ กับเลนส์ราคาประมาณสามหมื่นบาท
320mm 1/100 f/10 ISO 200
เวลาเอามาถ่ายเจาะ pattern ของภูเขา มันก็จะฟินหน่อยๆ ภาพนี้ถ่ายที่เวียดนามครับ
400mm 1/320s f/9 ISO 320
ลองเอามาเจาะถ่ายคนดูบ้าง ภาพนี้ผมถ่ายย้อนแสงนิดหน่อย มีแฟลร์อยู่แต่น้อยมาก ลบได้สบายๆ
สำหรับการถ่ายภาพ Cityscape ก็ทำได้ดีมากทีเดียว ผมเดินขึ้นเขาไปที่ Lion Rock ที่ฮ่องกง เพื่อถ่ายภาพเจาะตึกในฝั่งเกาลูน จะมีอุปสรรคนิดหน่อยก็ตรงที่เลนส์ตัวนี้ไม่มี collar ทำให้การถ่ายภาพให้ชัด โดยที่ภาพไม่สั่นนั้นทำได้ยากกว่าเลนส์ที่มี collar มากทีเดียว ซึ่งเราก็แลกกับการที่เลนส์ตัวนี้มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก เดินขึ้นเขาก็สบายหลัง
อย่างภาพนี้ผมลากไปที่ 15 วินาที ก็แก้ปัญหาด้วยลองถ่ายหลายๆใบ จับจังหวะที่ไม่มีลม เพื่อให้ขาตั้งไม่สั่น แล้วเลือกใบที่ใช้งานได้ครับ
200mm, 15s f/14 ISO 100
Crop 100% กลางภาพ
แถม Cityscape ให้อีกภาพครับ คลิกเพื่อดูภาพเต็มได้ เห็นรายละเอียดแล้วฟินมากๆ
400mm 6s f/10 ISO 200
การถ่ายภาพในสภาพเกือบย้อนแสง ทำได้สบายๆครับ ไม่กังวลเรื่อง flare มากนัก ปกติเลนส์เทเลก็ไม่ค่อยมีปัญหานี้เท่าไหร่อยู่แล้ว ภาพด้านล่างนี้ถ่ายจาก The Peak ที่ฮ่องกง แสงเช้าครับ
185mm 1/400s f/8 ISO 400
สรุป
ข้อดี
- ราคาน่าคบหา 31,900 บาท ผมเคยเห็นเวลามีโปร big camera ลดเหลือ 28,710 บาท
- คม คม คม มาก มาก มาก เมื่อเทียบกับค่าตัวครับ เอาไปเทียบกับ Nikon 80-400 VR แล้วเลนส์ค่ายแพ้กระจุย ในราคาที่แพงกว่าสองเท่า 555
- น้ำหนักเบา พกพาสะดวก เวลาไปเที่ยวบางครั้ง ผมแทบจะใช้เลนส์ตัวนี้แทน 70-200 VR ด้วยซ้ำครับ เพราะในน้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน ได้ช่วงยาวกว่า
- โฟกัสเร็ว เร็วจนไม่น่าเชื่อ เอาไปเทียบกับ Nikon 200-500 แล้วเลนส์ค่ายช้ากว่า
- กันสั่นใช้งานได้จริง ดีไม่แพ้นิคอนเลย ผมสามารถถ่ายที่ 1/60 วินาทีได้
ข้อเสีย
- ไม่มี collar ทำให้การถ่ายภาพที่ใช้สปีดนาน ทำได้ยาก และหากใส่กับกล้องเล็กก็จะทำให้ balance ไม่ดีเท่าที่ควร เสียดายที่ sigma น่าจะใส่ collar มาให้ด้วย เป็นข้อด้อยข้อเดียวที่ผมไม่ประทับใจ ไม่งั้นจะถ่ายไฟเมืองได้สนุกมาก
- filter 67mm ทำให้ผมต้องหา filter แยกเซตกับเลนส์อื่นๆที่ผมใช้ หรือหา adapter ring
- ต่อ teleconverter ของนิคอนไม่ได้ ผมมี 2.0x อยากเพิ่มเป็น 800mm ก็ไม่ได้ ส่วนของ mount อื่นนี่ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ
ถ้าใครเคยใช้ตระกูล 70-300 ของ Nikon Canon Tamron อยู่แล้ว ผมคิดว่าเลนส์ตัวนี้ผมยกมาแทนที่ 70-300 (หนักราวๆ 750 กรัม) ได้เลย
ขอบคุณบริษัทชีร์โร่ มาร์เก็ตติ้ง ประเทศไทย ที่ส่งเลนส์มาป้ายยาให้ลองครับ
ขอจบการป้ายยาแต่เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ