blog คราวนี้พาไปชมที่นั่งชั้นธุรกิจแบบใหม่ของ EVA กันครับ สายการบิน EVA นั้นขึ้นชื่อในเรื่องการบริการแบบจัดเต็มในชั้นธุรกิจ เพราะสายการบินนี้ไม่มีชั้น First Class จึงจัดเต็มในชั้น Business Class มาแบบเต็มเหนี่ยว ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บนเครื่องบิน Boeing 777-300 เป็นหลัก และเป็นที่นั่งแบบ Reverse Herringbone (คล้ายแบบก้างปลา) ที่ผู้โดยสารทุกคนจะนั่งติดทางเดิน และหันหน้าห่างออกจากทางเดิน ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งจะตรงข้ามกับแบบ Herringbone ที่อยู่ใน Air New Zealand ที่ทุกคนจะนั่งหันหน้าชี้ไปด้านทางเดิน
และไม่นานมานี้ ราวๆเดือนกันยายน 2018 ทางสายการบิน EVA ได้ฝูงบินใหม่คือ Boeing 787 มาเข้าประจำการ และได้ติดตั้งที่นั่งแบบใหม่มาด้วยครับ ที่นั่งนี้จะต่างออกไปคนละแบบเลย ลักษณะเรียงสลับกัน ไม่มีที่นั่งคู่ที่ได้นั่งติดกันครับ ทุกที่นั่งสามารถเดินออกไปยังทางเดินได้สะดวกมากๆ โดยปัจจุบันมีอยู่ในเครื่องบินทั้ง 787-9 และ 787-10 สำหรับเที่ยวบินที่ผมจะรีวิววันนี้คือที่นั่ง Business Class บนเครื่องบิน 787-10 เป็นเที่ยวบินสั้นๆจากไทเปมายังฮ่องกง ใช้เวลาบินเกือบๆสองชั่วโมง
เครื่อง 787 ของ EVA นั้นมีบินมาไทยด้วยนะครับ โดยเป็นเส้นทางไทเป – กรุงเทพ – เวียนนา BR61 และ BR62 ใช้เครื่อง 787-9 แต่ไม่ได้มีบินทุกวันครับ
Flight
Aircraft: Boeing 787-10
Flight number BR891
Taipei (TPE) – Hong Kong (HKG)
Time 7.00 – 8.50, 1hr 50 min
Registration B-17801 ได้นั่งเครื่องลำใหม่มากๆ ส่งมอบเดือนมิถุนายน 2019 อายุแค่ไม่กี่เดือนเอง
Seat 6D, 6G
ค่าใช้จ่าย ปกติจะใช้ 45,000 miles จาก United ครับ หรือถ้าแลกจากการบินไทย ใช้เรท Star Alliance แค่ 27,500 ไมล์เท่านั้น (ภายใน Zone 2)
แต่ตั๋วนี้ผมแลกมาจากอเมริกากลับไทย เส้นทาง Seattle – Taipei – Hong Kong – Bangkok บินหลายต่อหน่อย เพราะอยากได้ลองนั่ง 787-10 ลำนี้ครับ ค่าเสียหายอยู่ที่ 90,000 miles จาก United Airlines และมีค่าธรรมเนียม $82.20 (ประมาณ 2,500 บาท) เนื่องจากแลกก่อนเดินทางไม่ถึง 4 วัน มีค่าธรรมเนียม close-in booking fee ปัจจุบันหากแลกไมล์จาก United โดยที่แลกกระชั้นกว่า 21 วัน จะไม่เสีย close-in booking fee ($75) แล้วครับ แต่ว่าจะเสียไมล์เพิ่มอีก 5,000 ไมล์แทน (เริ่ม 15 พฤศจิกายน 2019)
รีวิวนี้ถือเป็น mini-review ก็ว่าได้นะครับ เพราะเที่ยวบินสั้นจริงๆ เรียกได้ว่า นั่ง เทคออฟ กิน ดูหนังได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง ก็เตรียมตัวลงจอดแล้วครับ
สำหรับที่นั่งใน Business Class ของ EVA นั้นจะเรียกว่า Royal Laurel Class แค่ชื่อก็ดูดีแล้ว บนเครื่อง Boeing 787-10 นั้นมีที่นั่ง Business ทั้งหมด 10 แถวครับ แถวละ 4 ที่นั่ง ยกเว้นแถวแรกมี 2 ที่นั่งริมหน้าต่าง ส่วนเครื่อง 787-9 ซึ่งเล็กกว่าจะมีแค่ 8 แถว มีความกว้างที่นั่ง 23 นิ้ว (58.5 ซม.) และช่วงระหว่างที่นั่งด้านหน้า (seat pitch) 44 นิ้ว ส่วนความยาวเมื่อกางเตียงราวนั้นยาวถึง 76 นิ้ว ก็คือเท่ากับ 1.93 เมตร ดังนั้นคนไทยเรานอนกันสบายๆเลยครับ
ด้านบนของแถวกลางนั้นไม่มีที่เก็บกระเป๋าครับ เพื่อความโล่งของตัวเคบิน ตัวที่นั่งแถวกลางนั้นไม่มีคู่ใดติดกัน ดังนั้นถ้ามาคู่ นั่งแถวกลาง เลือกแถวไหนก็ได้ ไม่ต่างกันครับ เพราะถ้าข้างนึงติดทางเดิน อีกข้างก็จะห่างจากทางเดินมานิดหน่อย มีที่วางแขนกั้นไว้ คิดง่ายๆว่าที่นั่งแต่ละอันมันเหมือนเป็น block มาเลยครับ แค่เอามาวางเรียงๆกันบนเคบินเฉยๆ
เราสองคนนั่งตรงกลาง 6D และ 6G แต่ว่าก็จะไม่ติดกันอยู่ดี
สำหรับที่นั่งริมหน้าต่างมี 2 แบบคือ ตัวที่นั่งจะติดหน้าต่าง หรือติดทางเดิน ภาพนี้ผมถ่ายที่นั่งข้างๆมาครับ
Seat & Features
มาดูภายในบริเวณที่นั่งกันบ้าง ตัวเบาะดีมากๆ ไม่ได้นุ่มเท่าไหร่ แต่ก็นั่งสบายครับ สังเกตว่าที่นั่งกว้าง เทียบกับ business class แล้วผมคิดว่ากว้างดีใช้ได้ทีเดียวครับ กว้างกว่าของการบินไทยแน่นอน (อย่างเครื่อง 777-300ER ของการบินไทย ที่นั่งชั้นธุรกิจกว้าง 20 นิ้ว) ที่ผมชอบคือการเลือกใช้สีครับ ดีไซน์เรียบและดูดี ที่สอดขาก็ไม่แคบจนเกินไป
แผงควบคุมที่นั่ง ดู modern มากครับ สามารถปรับระดับได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นแบบนอนราบ หรือแบบนั่งตรงสำหรับเวลาเครื่องขึ้นลง ปรับระดับของเก้าอี้ได้ละเอียดมากๆ มีเบาะนวด ปุ่มเปิดแผงไฟบริเวณที่นั่ง และมีปุ่มห้ามรบกวนด้วยครับ ส่วนปลั้กไฟก็อยู่ข้างๆเลย สะดวกมาก บางสายการบินจะชอบซ่อน หลบมุม แต่ของ EVA จัดให้ข้างตัวเลย มีช่อง USB พร้อม และช่องหูฟังแบบสามรูที่ใช้บนเครื่องบินทั่วไป
ถัดไปทางขวาอีกหน่อย ก็จะมีรีโมทควบคุม entertainment มีจอในตัว มีไฟอ่านหนังสืออยู่ด้านบน บริเวณนี้ทำวัสดุเป็นหนัง ดูดีมากๆครับ และที่เห็นโล่งๆตรงนั้นจะมีตู้ซ่อนอยู่ พอเปิดออกมาก็จะพบกับ….
ที่เก็บของนั่นเองครับ สังเกตว่ามีที่แขวนหูฟังมาให้พร้อมเลย เข้าใจคนใช้งานมากๆครับ เพราะปกติหูฟังที่ให้บนเครื่องบินนั้นจะเป็นแบบครอบหู อันใหญ่ ค่อนข้างเกะกะ แต่ของ EVA นี้จะมีที่แขวนมาให้เลย เวลาเราไม่ได้ใช้ ก็ไม่ต้องวางเกะกะอีกต่อไป เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นตู้แขวนหูฟังบนเครื่องบินเลยนะครับ จริงก็ใส่อย่างอื่นทั่วๆไปได้ นอกจากนี้ก็ยังมีกระจกบานเล็กๆให้อีกด้วย
สำหรับหูฟังบนเครื่องเป็นของ Thunder ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบใช้แบบครอบหูเท่าไหร่ เลยไม่ได้รีวิว
ถ้าเกิดเราเลือกแถวกลาง แล้วไม่รู้จักคนข้างๆ สามารถเลื่อนที่กั้นออกมาเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ แต่ถ้าเกิดคนข้างๆมาด้วยกัน แล้วอยากห่างกันสักพัก ก็เลื่อนที่กั้นออกมาได้เช่นกัน
มีโต๊ะกินข้าว และถัดลงมาด้านล่างเราก็จะเจอแผงควบคุมอีกชุดนึง อันนี้เหมือนเป็น shortcut ครับ มีปุ่มการทำงานคล้ายๆกับตัวที่อยู่ด้านบน จริงๆก็ห่างไปไม่เท่าไหร่ เรียกได้ว่า redundant สุดๆ สามารถกดตั้งค่าของที่นั่งแบบเร็วๆได้ครับ
จอ Entertainment ขนาด 18 นิ้ว ขนาดไม่ได้ใหญ่มากมายอะไร ด้านข้างมีช่องเก็บเอกสารทั่วไป ที่ผมชอบคือ User Interface ครับ การจัดวางเมนูต่างๆดูทันสมัย แบบ tile คล้ายๆ windows ตามสมัยนิยมเลยครับ
ที่เจ๋งดีคือเราสามารถเลือกหนังตาม mood ได้ อันนี้ผมเพิ่งเคยเห็น ประมาณว่าวันนี้อารมณ์เป็นยังไง เลือกแล้ว ระบบก็จะจัดหาหนังมาให้เราดูตามฟิลลิ่งนั้นๆ เข้าใจว่าถ้าเลือก Sleepy คงหาหนัง action มาให้เราดูครับ
Food and Beverage
แม้จะเป็นเที่ยวบินสั้นๆ น้อยกว่าสองชั่วโมง EVA มี welcome drink มาให้
เมนูอาหารของวันนี้ ผมลืมถ่ายเมนูเครื่องดื่มมาครับ เห็นแล้วผมรีบเลือก Braised Beef เลย อยากลอง ได้ยินชื่อเสียงมานาน
เนื่องจากเป็นเที่ยวบินสั้นๆ อาหารก็จะถูกเสิร์ฟมาเป็นถาดทีเดียวเลยครับ พอเครื่องได้ระดับปุ๊บก็เตรียมเสิร์ฟเลย รสชาดดีใช้ได้เลย จืดๆไปนิด แต่ที่ผมชอบคือเราสามารถขอพริกได้ครับ เป็นซอสพริกแบบมีน้ำมัน ไม่รู้เรียกว่าอะไรเหมือนกัน ดูเป็นแนวเสฉวนหน่อยๆครับ พนักงานบนเครื่องทำเวลามากๆ
ผมชอบผ้าปูโต๊ะมาก ลายสวย ผ้าเช็ดปากสีส้มก็สวย กระดาษห่อก็ลายดูดีมากๆ
หันไปคนข้างๆ จะไปแย่งกินสักหน่อย อ้าว โถๆๆ ดันสั่งเหมือนกัน 555
อิ่มแล้วก็ได้เวลานอน ทานเสร็จแล้วยังพอมีเวลาราวๆ 1 ชั่วโมง ลูกเรือก็ปิดไฟสลัวๆให้เราได้พักผ่อนกัน ผมชอบการจัดไฟบนเครื่องนี้มาก สีสวยดีครับ สีม่วงกับสีฟ้ามันเข้ากัน และดูเรียบหรูดี
ลองปรับเอนนอน ซึ่งที่นั่งตัวนี้ก็ปรับเอนราบได้ 180 องศาครับ นอนสบาย เที่ยวบินใกล้ๆก็มีผ้าห่มแจกด้วย เดี๋ยวนี้ที่นั่งชั้นธุรกิจแบบใหม่ๆมีการแข่งขันกันสูงมาก ทุกแบบจะเป็น lie-flat bed แทบจะหมดแล้ว
เผลอแป๊บๆก็ถึงฮ่องกงแล้ว บทสรุปสำหรับที่นั่งแบบใหม่ของ EVA บนเครื่อง 787 นี้ สั้นๆว่า “ดีงาม” ครับ สำหรับตัวที่นั่งผมแทบไม่มีข้อติเลย ชอบทุกอย่าง การบริการก็ดีเยี่ยม แต่เที่ยวบินนี้ก็เป็นเที่ยวบินสั้นๆ คงตอบอะไรหลายอย่างมากไม่ได้ครับ เช่น นั่งนานๆหลายชั่วโมงแล้วจะเป็นอย่างไร สำหรับเที่ยวบินแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมงนี้ผมก็ได้ลอง ได้เห็นหลายๆอย่างเลย ทั้งอาหาร บริการ และจังหวะที่หรี่ไฟเพื่อพักผ่อน
หากมีโอกาสได้บินไปไตัหวันหรือเวียนนา ลองเลือกเที่ยวบิน BR61 หรือ BR62 นะครับ หรือจะมาบินไปฮ่องกงแบบผมก็ได้ครับ อย่าง 787-10 ที่เน้นเส้นทาง regional ใกล้ๆ อย่างช่วงเดือนธันวาคม 2562 มีบินภายในเอเชียหลายที่เลย เช่น โอซาก้า โตเกียวนาริตะ นาโงย่า เสิ่นเจิ้น และกวางโจว
พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ
อ่านรีวิวตอนก่อนหน้า